รักที่สายไปขอวางไว้ตรงนั้น - 1-30 - บทที่ 20
“ฉันหิวน้ำ” อีกครั้งที่ลี่หานเหนียนเอ่ยปาก
ทั้งๆ ที่เพิ่งดื่มน้ำไปเมื่อสามนาทีก่อน เธอกัดฟันเน้นเสียง “คุณไม่หิว”
“ตระกูลซ่ง”
เพียงสองคำสั้นๆ ก็กุมชีพจรของเธอไว้
เธอไม่รู้ว่าลี่หานเหนียนรู้เรื่องตระกูลซ่งมีปัญหาจริงหรือไม่ หรือแสร้งรู้ แต่เธอไม่กล้าเสี่ยง กัดฟันแล้วยื่นน้ำไปให้เขา
ลี่หานเหนียนเหลือบมองน้ำแล้วเบือนหน้าหนี “น้ำไม่มีรสชาติ ปอกแอปเปิลให้ผมหน่อย”
“……ค่ะ”
ซ่งรั่วชิงทำได้เพียงปอกแอปเปิลอย่างว่าง่าย พอปอกเสร็จก็ยัดเข้าปากชายหนุ่มทันที โดยไม่สนว่าจะสำลักหรือไม่
“คุณอยากฆาตกรรมหรือไง?” ฟันของลี่หานเหนียนถูกกระแทกจนเจ็บ
ซ่งรั่วชิงทำหน้าใสซื่อ “ท่านประธานลี่ไม่ใช่จะกินแอปเปิลเหรอคะ ฉันกำลังป้อนคุณอยู่นี่ไง?”
“เธอกินเองเถอะ” ลี่หานเหนียนคว้าแอปเปิลมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วยัดเข้าปากซ่งรั่วชิงโดยตรง
เธอเตรียมตัวไว้แล้ว กัดเข้าไปคำใหญ่ เคี้ยวกร้วมๆ แล้วชม “แอปเปิลที่ปอกเองกับมือ อร่อยจริงๆ”
ถึงแม้ทั้งสองจะโต้ตอบกันไปมา แต่บรรยากาศในห้องผู้ป่วยกลับอบอุ่นอย่างประหลาด
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงแหบแห้งอ่อนแรงก็ดังขึ้น “พี่หานเหนียน”
ซ่งรั่วชิงหันกลับไปมอง ก็เห็นเย่เฟยเฟียนยืนอยู่ตรงประตู มองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาคลอด้วยน้ำตา ท่าทางเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง ผู้ชายคนไหนเห็นก็อดไม่ได้ที่จะอยากดึงเธอเข้ามากอดปลอบ
การกัดแอปเปิลของซ่งรั่วชิงชะงักลง สีหน้าของลี่หานเหนียนก็เคร่งขรึมขึ้นมาก แต่เมื่อมองใบหน้าของเย่เฟยเฟยก็กลับมาอ่อนโยนลงอย่างรวดเร็ว
“แผลบนหน้าหายดีแล้วเหรอ?” เขาเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน
ซ่งรั่วชิงแค่นเสียงในใจ น้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้ เขาไม่เคยมีให้เธอเลยสักครั้ง
แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่ได้ต้องการมันอยู่แล้ว
“ค่ะ” เย่เฟยเฟยเดินเข้ามาพลางกล่าว “หายดีแล้วค่ะ แค่ไม่คิดว่าพี่หานเหนียนจะป่วย ถึงพี่จะกลัวหนูเป็นห่วง ก็ไม่ควรไม่บอกหนูนะคะ”
ทั้งๆ ที่มีที่นั่งมากมาย เย่เฟยเฟยกลับเดินตรงมาที่ซ่งรั่วชิง
ซ่งรั่วชิงเลิกคิ้วแล้วถอยหลังไปสองก้าว หลีกทางให้
เย่เฟยเฟยโผเข้ากอดลี่หานเหนียนทันที “พี่หานเหนียนคะ พี่เคยบอกว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกัน เรื่องของพี่ก็คือเรื่องของหนู พี่ป่วย หนูฝันร้ายทั้งคืนเลยค่ะ”
มือของลี่หานเหนียนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ยกขึ้นแล้ววางลงบนไหล่ของเย่เฟยเฟย “ผมไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วง”
“หนูจะไม่ห่วงได้ยังไงคะ พี่สัญญากับหนูแล้วนะว่าต่อไปถ้าเจอเรื่องแบบนี้อีก จะต้องไม่ปิดบังหนู ตกลงไหมคะ?”
เย่เฟยเฟยเงยหน้าขึ้นมองด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง
มองใบหน้านั้น ลี่หานเหนียนพูดคำปฏิเสธไม่ออก “……ครับ”
เย่เฟยเฟยยิ้มอย่างมีความสุข
“กร้วม กร้วม!” ภาพความรักใคร่ของคู่รักถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคี้ยว
ลี่หานเหนียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็เห็นซ่งรั่วชิงนั่งอยู่บนโซฟาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มือข้างหนึ่งถือแอปเปิลกิน อีกข้างก็มองทั้งสองคนด้วยความสนใจ
ราวกับกำลัง……ดูละคร!
“เธอทำหน้าอะไรแบบนั้น?” ใบหน้าของเขาดำคล้ำลงทันที
ซ่งรั่วชิงกัดแอปเปิลคำสุดท้ายจนหมด โยนแกนทิ้ง แล้วค่อยๆ ยกมือขึ้นเช็ดหางตาที่ไม่มีน้ำตา ทำหน้าซาบซึ้ง “ไม่มีอะไรค่ะ แค่รู้สึกซาบซึ้งกับความรักในโลกนี้ ที่ทำให้คนนอกใจยอมตายแทนกันได้”
“ซ่ง…รั่ว…ชิง” ลี่หานเหนียนพูดทีละคำ ราวกับคำพูดลอดไรฟันออกมา
“พี่หานเหนียนคะ อย่าโกรธเลยค่ะ หนูไม่เป็นไร” เย่เฟยเฟยจับมือลี่หานเหนียนแล้วยิ้มอย่างใจกว้าง
ลี่หานเหนียนเหลือบมองเย่เฟยเฟยแล้วไม่ได้พูดอะไร
เย่เฟยเฟยยิ้มแล้วหันไปกล่าว “คุณซ่งคะ ขอบคุณที่ช่วยดูแลหานเหนียนนะคะ เดิมทีควรจะเป็นฉันที่มาดูแล แต่ก่อนหน้านี้ หน้าฉันได้รับบาดเจ็บเมื่อสองวันก่อน…”
“ใช่ค่ะ ครั้งที่แล้วคุณโดนสาดน้ำซุปร้อนๆ ใส่โดยตรงเลยนี่คะ” ซ่งรั่วชิงมองเย่เฟยเฟยอย่างประหลาดใจ “แต่หน้าคุณฟื้นตัวได้ดีมากเลยนะคะ ว่าแต่ครั้งที่แล้วฉันเห็นจมูกคุณเหมือนจะเบี้ยวๆ ไป โรงพยาบาลเสริมความงามที่ไหนซ่อมให้คะ?”
สีหน้าของเย่เฟยเฟยแข็งทื่อ มือที่ซ่อนไว้กำแน่น “คุณซ่งพูดอะไรคะ ฉันไม่ได้ทำศัลยกรรม เป็นของแท้ค่ะ”
“ฉันไม่ได้บอกว่าคุณทำศัลยกรรมสักหน่อย แค่ถามว่าคุณไปซ่อมจมูกที่เบี้ยวที่ไหนเท่านั้นเอง ทำไมต้องรีบร้อนปฏิเสธขนาดนั้น?”
อีกอย่าง สมัยนี้การทำศัลยกรรมมันปกติมาก วงการบันเทิงที่ไหนๆ ผู้ชายผู้หญิงก็ทำกันทั้งนั้น ก็ดูดีออกนี่คะ การ追求ความงามไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
แต่เย่เฟยเฟยกลับพูดไม่ออกสักคำ แถมยังแอบมองลี่หานเหนียนด้วยความประหม่า
“ไม่เป็นไร” เขาตบมือเย่เฟยเฟยเบาๆ ปลอบใจ แล้วเงยหน้ามองซ่งรั่วชิงด้วยสายตาเย็นชาและมืดมิด น้ำเสียงยิ่งเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง “ที่นี่ไม่ต้องการเธอแล้ว ออกไปเดี๋ยวนี้”
“ฉันเข้าใจค่ะ รักแท้มาแล้ว เมียหลวงก็ขวางหูขวางตา ฉันไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
เธออยากไปตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ใช่ไอ้ผู้ชายหมาๆ นี่เมื่อวานขู่ด้วยเรื่องตระกูลซ่ง ป่วยตายยังไงเธอก็ไม่มาดูหน้า
เหมือนกับเมื่อก่อนที่เธอนอนหมดหวังอยู่บนเตียงผู้ป่วย จนกระทั่งตายก็ไม่มีใครมาดูหน้าสักคน
เธอลุกขึ้นเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยวสง่างาม ไม่มีความอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย ไม่มีแม้แต่สีหน้าเศร้าเสียใจหรือผิดหวัง ลี่หานเหนียนมองตามแผ่นหลังของซ่งรั่วชิง ดวงตาดำขลับลึกซึ้ง
“คุณซ่งจะไปแล้วเหรอคะ เดี๋ยวฉันไปส่งนะคะ” เย่เฟยเฟยรีบลุกขึ้นตามซ่งรั่วชิงออกจากประตูห้องผู้ป่วย
ทันทีที่พ้นสายตาของลี่หานเหนียน
น้ำเสียงของเย่เฟยเฟยก็เปลี่ยนไป “ซ่งรั่วชิง”
เท้าของซ่งรั่วชิงชะงักลง หันกลับไปมองเธอด้วยรอยยิ้มเยาะ “ทำไม ไม่แสร้งทำอีกแล้วเหรอ”
ในสายตาของเธอ เย่เฟยเฟยรู้สึกเหมือนความลับที่ซ่อนลึกอยู่ในใจถูกมองทะลุปรุโปร่ง ความรู้สึกราวกับถูกเปลื้องผ้าเช่นนี้ ทำให้เธอรู้สึกอับอาย
“ซ่งรั่วชิง ฉันไม่อยากพูดจาไร้สาระกับเธอ ถ้าเธอยังมีหน้าอยู่บ้าง ก็รีบหย่าเสียที รู้ทั้งรู้ว่าในใจพี่หานเหนียนมีแค่ฉันคนเดียว เธอยังหน้าด้านตามตอแยผู้ชาย เธอไม่อายบ้างหรือไง น่าเสียดายที่ถึงเธอจะหน้าด้าน พี่หานเหนียนก็ไม่มองเธออยู่ดี เธอหน้าด้านมาวุ่นวายกับพี่หานเหนียนได้ยังไง ฉันเตือนเธอครั้งสุดท้าย ถ้ามีครั้งต่อไปฉันไม่ปล่อยเธอแน่”
“พูดจบแล้วเหรอ” ซ่งรั่วชิงไม่ได้โกรธเลยสักนิด
เธอก็ยอมรับว่าชาติก่อนเธอหน้าด้านจริงๆ จึงต้องชดใช้ด้วยชีวิต ชาตินี้เกิดใหม่ผิดเวลา แต่เธอจะไม่หน้าด้านอีกแล้ว
และจะไม่ยอมให้เย่เฟยเฟยมาหยิ่งผยองต่อหน้าเธอด้วย
“คำพูดของฉันยังไม่จบหรอก แต่รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดกับเธอ” เย่เฟยเฟยดูถูก “ยังไงซะถึงเธอจะประจบสอพลอพี่หานเหนียนแค่ไหน เขาก็ไม่มองเธอหรอก”
“ดูเหมือนว่าคุณจะพูดจบแล้ว” ซ่งรั่วชิงพยักหน้า ก้าวไปข้างหน้า ในขณะที่เย่เฟยเฟยกำลังลำพองใจ
ทันใดนั้นเองก็เงื้อมือขึ้น ตบหน้าเย่เฟยเฟยอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อ๊ะ!” แก้มของเย่เฟยเฟยหันไปข้างหนึ่ง กุมแก้มแล้วกรีดร้อง “แกกล้าตบฉันเหรอ”
“เสียงเธอแสบแก้วหู ฉันให้เธอสงบสติอารมณ์หน่อย” สีหน้าของซ่งรั่วชิงเย็นชาลงทันที
แต่ในใจกลับคิดเงียบๆ ว่า ถึงแม้จะเกิดใหม่ แต่ลูกก็เคยจากเธอไปจริงๆ ตบครั้งนี้ถือเป็นดอกเบี้ย
ในใจซ่งรั่วชิงเศร้าสร้อย แต่บนใบหน้ากลับยิ้มหวาน “นี่คือของขวัญขอบคุณที่ครั้งที่แล้วอยากจะสาดน้ำซุปในร้านอาหาร ต่อไปถ้าเธอวางแผนร้ายอะไรฉันอีก ฉันจะตบเธอหนึ่งที”
“ว่าแต่ ต้องขอบคุณเธอด้วยนะที่ส่งใบหย่าให้ลี่ห่าวไป๋ ทำให้เราหย่ากันไม่ได้ แถมยังต้องอยู่ด้วยกันมีลูกอีก ขอบคุณจริงๆ นะ”